ผมเคยเจอชายพิการคนนึงที่มัญยิด
เขาสดใสมีความสุขและเป็นมิตร
แววตาและรอยยิ้มของเขาทำให้ผมจำได้เสมอ
เราเจอกันทุกๆวันศุกร์ ผมมาละหมาดวันศุกร์ที่นี้เสมอ เราเจอกันแล้วยิ้มให้กัน ในความเป้นพี่-น้องร่วมความเชื่อ ไม่มีอะไรมากกว่ายิ้มและสลามทักทาย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายแบบนี้จนเกือบปี
แล้วผมก็ไม่ได้เจอเขาอีก
ไม่ใช่เพราะเขาแต่เพราะตัวผมเอง ผมย้ายไปภูเก็ตและแต่เขายังอยู่ที่เดิม
แต่แปลกนักที่ผมไม่เคยลืมภาพเขา
ภาพที่เขาพาตัวเองบนไม้ค้ำมามัญยิส
ด้วยเหงื่อที่โทรมตัว
ภาพที่เขาเงยมองทุกคนที่ทักสลามแก่เขา
พร้อมจะยื่นมือไปจับแม้นั้นอาจหมายถึงเขาอาจล้มได้
ภาพที่เขานั่งลงกับพื้นมัญยิดแล้วยิ้ม
ทั้งๆที่ตัวอาบไปด้วยเหงื่อ
หากคนเราต้องพักเมื่อเหนื่อย
หยาดหยดเหงื่อที่เปื้อนตัวได้บอกกับเขาแล้วว่าควรพัก
หากท่านๆทักถามว่าที่ไหนที่เขาพัก
เขาเอนหลังพักที่บ้านของอัลเลาะห์
คนมากมายมีร่างกายแข็งแรงแต่อ่อนแอกับสิ่งยั่วยุ
คนมากมายมีร่างกายแข็งแรงแต่อ่อนแอเกินจะพาตัวไปมัญยิส
คนมากมายมีร่างกายแข็งแรงแต่แววตากลับหม่นหมอง
คนมากมายมีร่างกายแข็งแรงแต่อ่อนแอในหัวใจ
คนมากมายมีร่างกายแข็งแรงแต่นิสัยไร้ความเป็นมิตร
วันนึงที่ตาฝ้าฟาง หูที่ตีงเงียบ
มือเท้าเย็นเฉียบเหยีอดไม่ไหว
สมองอาจเลือนลางไป
แต่ขอหัวใจเป็นไปได้อย่างเขาที่เป็น
........................................................................................................
ผมได้พบเขาอีกครั้งหลังจากกลับมากทม ผมไปละศิลอดที่ศูนย์กลางและได้เจอเขาที่นั้น
เขามาไกลจากที่ที่เขาละหมาดประจำมากนัก
เขาและผมหันมามองตากัน วูบนึงเราทั้งคู่ต่างยิ้มในเชิงที่จะบอกกันและกันว่าจำได้
เราสลามกันราวกับเพื่อนเก่าก่อนจะแยกกันไปตามกลุ่มที่ผมมา
สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือแววตาเขาไม่เปลี่ยนไป อาจจะแข็งแรงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น